ภาพแอร์เย็นฉ่ำที่เคยเป็นฮีโร่ช่วยคลายร้อน กลับกลายเป็นผู้ร้ายโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นคราบดำๆ หรือจุดเล็กๆ คล้ายใยแมงมุมที่เกาะอยู่ตามช่องแอร์ หรือแผ่นกรองอากาศ นั่นคือ “เชื้อรา” ครับ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมชื้นๆ และพร้อมจะปล่อยสปอร์ล่องลอยไปในอากาศ การปล่อยให้เชื้อราเติบโตในแอร์ นอกจากจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำความเย็นแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างที่คุณคาดไม่ถึง บทความนี้จะเจาะลึกทุกคำถามที่คุณสงสัยเกี่ยวกับปัญหาแอร์ขึ้นรา พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขและป้องกันแบบมืออาชีพ
แอร์ขึ้นราเกิดจากอะไร? ต้นตอของปัญหาที่คุณอาจมองข้าม
สาเหตุที่ทำให้แอร์ขึ้นรามักเกิดจากการสะสมของความชื้นและสิ่งสกปรกภายในเครื่องปรับอากาศ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมก็จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราที่แพร่กระจายเข้าสู่ห้องได้ โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้
สาเหตุที่ทำให้แอร์ขึ้นรา
- ความชื้นสะสมสูง โดยปกติแล้วแอร์จะทำหน้าที่ควบแน่นความชื้นในอากาศให้กลายเป็นหยดน้ำและระบายออกไปทางท่อน้ำทิ้ง แต่ถ้าความชื้นเหล่านั้นระบายออกไม่หมด หรือมีน้ำขังอยู่ตามส่วนต่างๆ เช่น ถาดรองน้ำทิ้ง หรือคอยล์เย็น ความชื้นที่ตกค้างจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของเชื้อราและแบคทีเรีย ยิ่งใช้แอร์ในห้องที่ชื้นมากเท่าไหร่ โอกาสเกิดเชื้อราก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
- การไม่ล้างแอร์เป็นเวลานาน เป็นปัญหาคลาสสิกที่หลายคนละเลย เมื่อแอร์ใช้งานไปสักพักจะมีฝุ่นละออง, สิ่งสกปรก และเศษผม เข้าไปสะสมอยู่ตามแผ่นกรองอากาศและคอยล์เย็น เมื่อสิ่งเหล่านี้เจอกับความชื้น ก็จะกลายเป็นอาหารชั้นดีให้เชื้อราเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ลองนึกภาพฝุ่นที่ชื้นและอับมานานๆ ดูสิครับ นั่นคือสวรรค์ของเชื้อราเลย
- การใช้งานที่ไม่เหมาะสม การเปิดพัดลมแอร์ (Fan Mode) ทิ้งไว้หลังปิดเครื่อง หรือการปิดแอร์ทันทีหลังใช้งานโดยไม่ปล่อยให้ระบบระบายความชื้นออกให้หมด เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้ภายในเครื่องยังมีความชื้นตกค้างอยู่ ทำให้เชื้อราเติบโตได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณคอยล์เย็น
อันตรายของเชื้อราในแอร์ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคุณและคนที่คุณรัก
หลายคนอาจคิดว่าเชื้อราในแอร์เป็นเพียงคราบสกปรกธรรมดา แต่ความจริงแล้วมันอันตรายกว่าที่คิดมาก เพราะสปอร์ของเชื้อราสามารถลอยไปในอากาศและเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ดังนี้:
โรคระบบทางเดินหายใจ
การสูดดมสปอร์เชื้อราเข้าไปในปริมาณมาก อาจกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น ไอ, จาม, คัดจมูก, น้ำมูกไหล หรือผื่นคันได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นโรคหอบหืด หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ อาการอาจรุนแรงถึงขั้นหายใจลำบาก หรือหลอดลมอักเสบ
ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
เมื่อเชื้อราปล่อยสารพิษออกมา ก็อาจทำให้เกิดอาการแสบตา, คันคอ, เจ็บคอ หรือปวดศีรษะได้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้คุณภาพอากาศในห้องแย่ลง ทำให้รู้สึกไม่สดชื่นและเหนื่อยง่าย
วิธีจัดการกับปัญหาแอร์ขึ้นราแบบถูกต้อง
เมื่อรู้ถึงอันตรายแล้วก็อย่ารอช้า มาดูวิธีจัดการกับเชื้อราในแอร์อย่างถูกต้องกันดีกว่าครับ
ล้างแอร์ด้วยตัวเองเบื้องต้น
หากเชื้อราเพิ่งเริ่มเกาะเล็กน้อย คุณสามารถทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศและเป่าลมไล่ความชื้นในคอยล์เย็นได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าคราบราเริ่มลุกลามเข้าไปในตัวเครื่องแล้ว การทำความสะอาดเองอาจไม่เพียงพอ
ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อรา
ในปัจจุบันมีสเปรย์และน้ำยาทำความสะอาดแอร์สำหรับฆ่าเชื้อราโดยเฉพาะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพ รวมถึงสวมหน้ากากและถุงมือทุกครั้งที่ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง
เปิดโหมดไล่ความชื้น (Dry Mode)
เมื่อใช้งานแอร์เสร็จแล้ว ให้ลองเปิดโหมด Dry ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้แอร์ทำงานในโหมดลดความชื้น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณน้ำที่ตกค้างในระบบ และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้
ปิดการใช้งานแอร์ให้ถูกวิธี
ก่อนปิดแอร์ ให้กดปุ่ม Fan Mode เพื่อให้พัดลมทำงานต่ออีก 5-10 นาที การทำเช่นนี้จะช่วยให้คอยล์เย็นและอุปกรณ์ภายในแห้งสนิท ลดความชื้นสะสมที่เชื้อราชอบ
ล้างแอร์อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ
นี่คือวิธีที่ได้ผลที่สุดและเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันปัญหาในระยะยาว การเรียกใช้บริการล้างแอร์ จากช่างผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ทั้งคอยล์ร้อน, คอยล์เย็น, ถาดรองน้ำทิ้ง และท่อระบายน้ำ ที่เป็นจุดสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย โดยปกติแล้วควรล้างแอร์ทุกๆ 4-5 เดือน หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาแอร์ขึ้นรา
Q: ล้างแอร์บ่อยแค่ไหนถึงจะดี?
A: คำแนะนำคือควรล้างแอร์เป็นประจำทุกๆ 4-5 เดือน หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากใช้งานหนักในบริเวณที่มีฝุ่นมาก เช่น ริมถนน ควรล้างให้บ่อยขึ้น
Q: แอร์ขึ้นราแล้วต้องเปลี่ยนใหม่ไหม?
A: ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่เสมอไป หากเชื้อรายังไม่ลุกลามมาก การทำความสะอาดโดยช่างผู้เชี่ยวชาญก็สามารถกำจัดเชื้อราออกได้เกือบทั้งหมด แต่หากปัญหาหนักและปล่อยทิ้งไว้นานจนโครงสร้างภายในเสียหาย การเปลี่ยนใหม่ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
Q: แอร์ไม่เย็นแล้วมาล้างทีเดียวได้ไหม?
A: การล้างแอร์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแอร์ไม่เย็นได้ในทุกกรณี แต่การล้างเป็นประจำจะช่วยรักษาระบบให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ลดการสะสมของสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุให้แอร์ไม่เย็น
แอร์ขึ้นราไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและทำให้ค่าไฟสูงขึ้น การล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและแก้ปัญหานี้ หากคุณสังเกตว่าแอร์เริ่มมีกลิ่นอับหรือเย็นน้อยลง ควรรีบทำความสะอาดหรือเรียกช่างมาล้างทันที
หากคุณกำลังมองหาบริการล้างแอร์คุณภาพ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด พร้อมทีมช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ยาวนาน Rak-Chang คือคำตอบของคุณ เราพร้อมช่วยให้แอร์ของคุณสะอาด ปราศจากเชื้อรา และมีอากาศที่สดชื่นทุกครั้งที่เปิดใช้งาน
ช่องทางการติดต่อ
เบอร์ : 02-096-6220
Line ID : @rak-chang
Facebook : Rak-Chang รักช่าง ล้างแอร์ (แอร์เซอร์วิส)